เมื่อพูดถึงการแทงอีสปอร์ตที่ Kapook888 สิ่งที่จะขาดไปไม่ได้เลยก็คือตัวเลือกการเดิมพัน ESport ที่มีหลากหลายรูปแบบ และหนึ่งในนั้นคือ Handicap betting หรือการเดิมพันแบบต่อ/รับในอีสปอร์ต ซึ่งเป็นวิธีการเดิมพันที่ได้รับความสนใจอย่างมาก เพราะเป็นการเดิมพันที่มีรูปแบบปรับเปลี่ยนไปตามประเภทเกมการแข่งขัน โดยเฉพาะเกมแนว MOBA และ FPS บทความนี้จะเปรียบเทียบ Handicap ระหว่างสองเกมนี้ เพื่อให้เห็นความเหมือนและความต่างในแต่ละประเภทเกม
ความหมายและวิธีการกำหนด Handicap ในอีสปอร์ต
Handicap betting ในอีสปอร์ตเป็นรูปแบบการเดิมพันที่น่าสนใจและได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ ในวงการเดิมพันออนไลน์ หลักการของ Handicap betting คือการที่เจ้ามือหรือบ่อนการพนันกำหนด “แต้มต่อ” หรือ “แต้มรับ” ให้กับทีมใดทีมหนึ่งก่อนเริ่มการแข่งขัน โดยมีจุดประสงค์เพื่อปรับสมดุลโอกาสในการชนะของทั้งสองทีมให้ใกล้เคียงกันมากขึ้น
ในการกำหนด Handicap นั้น เจ้ามือจะพิจารณาจากความแข็งแกร่งของแต่ละทีม โดยทีมที่ถูกมองว่าแข็งแกร่งกว่าจะได้รับ Handicap เป็นลบ (เช่น -1.5) ซึ่งหมายถึงการเสียเปรียบเสมือนจริง ในขณะที่ทีมที่ถูกมองว่าอ่อนแอกว่าจะได้รับ Handicap เป็นบวก (เช่น +1.5) ซึ่งหมายถึงการได้เปรียบเสมือนจริง การกำหนด Handicap แบบนี้ช่วยให้นักพนันมีโอกาสเลือกเดิมพันได้อย่างน่าสนใจมากขึ้น แม้ว่าทีมจะมีความแตกต่างกันในด้านฝีมือหรือประสบการณ์
รูปแบบการแข่งขันแบบ Best-of-Three (Bo3) และผลต่อการเดิมพัน Handicap
ในการแข่งขันอีสปอร์ตส่วนใหญ่ โดยเฉพาะในรายการสำคัญ มักจะใช้รูปแบบการแข่งขันแบบ Best-of-Three (Bo3) ซึ่งหมายถึงทีมที่ชนะ 2 เกมก่อนจะเป็นผู้ชนะในแมทช์นั้น รูปแบบนี้มีผลโดยตรงต่อการกำหนด Handicap และวิธีการเดิมพัน
ใน Handicap betting สำหรับการแข่งขันแบบ Bo3 Handicap ที่พบบ่อยที่สุดคือ +1.5 และ -1.5 ซึ่งมีความหมายดังนี้
- Handicap +1.5 หากคุณเดิมพันทีมที่ได้ Handicap +1.5 คุณจะชนะการเดิมพันหากทีมนั้นชนะอย่างน้อย 1 เกมในชุด Bo3 หรือชนะทั้งแมทช์
- Handicap -1.5 หากคุณเดิมพันทีมที่ได้ Handicap -1.5 ทีมนั้นจะต้องชนะทั้ง 2 เกมในชุด Bo3 (ชนะ 2-0) คุณถึงจะชนะการเดิมพัน
รูปแบบ Bo3 นี้ทำให้การเดิมพันแบบ Handicap มีความน่าสนใจมากขึ้น เพราะแม้แต่ทีมที่ถูกมองว่าอ่อนแอกว่าก็ยังมีโอกาสทำให้ผู้เดิมพันชนะได้ หากสามารถเอาชนะได้แม้เพียงเกมเดียว
ความแตกต่างของ Handicap ในเกม MOBA และ FPS
แม้ว่าหลักการพื้นฐานของ Handicap betting จะเหมือนกันในทุกประเภทเกม แต่ก็มีความแตกต่างในรายละเอียดระหว่างเกมประเภท MOBA (Multiplayer Online Battle Arena) และ FPS (First-Person Shooter) ดังนี้
เกม MOBA (เช่น League of Legends และ Dota 2)
- มักใช้ Handicap แบบ +1.5 และ -1.5 ในการแข่งขันแบบ Bo3
- มี Kill Handicap เป็นตัวเลือกเพิ่มเติม ซึ่งเป็นการเดิมพันบนจำนวนการสังหาร (kill) ที่แต่ละทีมทำได้ โดยไม่เกี่ยวข้องกับผลแพ้ชนะของเกม
- Kill Handicap มักมีช่วงตั้งแต่ -5.5 ถึง +5.5 แต่อาจแตกต่างกันไปตามแต่ละคู่แข่งและเกม
เกม FPS (เช่น Counter-Strike: Global Offensive และ Overwatch)
- ใน CS:GO นอกจาก Handicap แบบ +1.5 และ -1.5 สำหรับ Bo3 แล้ว ยังมี Handicap แบบ +2.5 และ -2.5 สำหรับการแข่งขันแบบ Best-of-Five (Bo5) ในรายการสำคัญ เช่น รอบชิงชนะเลิศของ Major
- มี Round Handicap เป็นตัวเลือกเพิ่มเติมใน CS:GO ซึ่งเป็นการเดิมพันบนจำนวนรอบที่แต่ละทีมชนะ โดยมีช่วง Handicap ตั้งแต่ +7.5 ถึง -7.5
- ใน Overwatch League มีการใช้ Map Handicap เนื่องจากการแข่งขันเป็นแบบ Bo5 maps โดยมี Handicap ตั้งแต่ +1.5, -1.5, +2.5 และ -2.5
ความแตกต่างเหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงลักษณะเฉพาะของแต่ละประเภทเกม และวิธีการนับคะแนนที่แตกต่างกัน ทำให้นักพนันต้องเข้าใจกฎกติกาและรูปแบบการแข่งขันของแต่ละเกมอย่างละเอียดก่อนที่จะตัดสินใจวางเดิมพัน
Handicap betting ในเกม MOBA
เกมประเภท MOBA (Multiplayer Online Battle Arena) อย่าง League of Legends และ Dota 2 เป็นเกมที่ได้รับความนิยมอย่างสูงในวงการอีสปอร์ต การเดิมพันแบบ Handicap ในเกมเหล่านี้มีลักษณะเฉพาะที่น่าสนใจ ซึ่งสะท้อนถึงธรรมชาติของเกมและรูปแบบการแข่งขัน
การเดิมพัน Handicap แบบ +1.5 และ -1.5 ในการแข่งขัน Bo3
ในการแข่งขัน MOBA ระดับสูง รูปแบบ Best-of-Three (Bo3) เป็นที่นิยมมาก ซึ่งหมายถึงทีมที่ชนะ 2 เกมก่อนจะเป็นผู้ชนะในแมทช์นั้น ด้วยรูปแบบนี้ การเดิมพันแบบ Handicap จึงมักถูกกำหนดที่ +1.5 และ -1.5 (อาจมีการปรับช่วงราคามากกว่านี้ ขึ้นอยู่กับความต่างชั้นระหว่างทีม)
การเดิมพันทีมที่ได้ Handicap +1.5
- หากคุณเดิมพันทีมที่ได้ Handicap +1.5 คุณจะชนะการเดิมพันในกรณีต่อไปนี้
- ทีมที่คุณเดิมพันชนะทั้งแมทช์ (ไม่ว่าจะเป็น 2-0 หรือ 2-1)
- ทีมที่คุณเดิมพันแพ้แมทช์ แต่สามารถเอาชนะได้ 1 เกม (ผลแมทช์เป็น 1-2)
ตัวอย่างเช่น ในการแข่งขัน League of Legends ระหว่างทีม A (ทีมรอง) กับทีม B (ทีมเต็ง) หากคุณเดิมพันทีม A ที่ได้ Handicap +1.5 คุณจะชนะการเดิมพันแม้ว่าทีม A จะแพ้แมทช์ไป 1-2 เพราะเมื่อรวม Handicap แล้ว ถือว่าทีม A ชนะ 2.5-2
การเดิมพันทีมที่ได้ Handicap -1.5
- หากคุณเดิมพันทีมที่ได้ Handicap -1.5 ทีมนั้นจะต้องชนะแมทช์แบบ 2-0 เท่านั้น คุณถึงจะชนะการเดิมพัน
- หากทีมที่คุณเดิมพันชนะแมทช์ แต่ด้วยสกอร์ 2-1 คุณจะแพ้การเดิมพัน เพราะเมื่อหัก Handicap 1.5 แล้ว ถือว่าทีมนั้นแพ้ 0.5-1
ระบบ Handicap นี้ช่วยให้การเดิมพันในการแข่งขัน MOBA มีความน่าสนใจมากขึ้น โดยเฉพาะในกรณีที่มีทีมเต็งที่เหนือกว่าอย่างชัดเจน การให้ Handicap -1.5 กับทีมเต็งทำให้ผู้เดิมพันต้องพิจารณาว่าทีมนั้นจะสามารถชนะแบบขาดลอย 2-0 ได้หรือไม่
Kill Handicap การเดิมพันที่ไม่ขึ้นกับผลแพ้ชนะของเกม
นอกจากการเดิมพัน Handicap บนผลการแข่งขันแล้ว เกม MOBA ยังมีรูปแบบการเดิมพันที่น่าสนใจอีกประเภทหนึ่งคือ Kill Handicap ซึ่งเป็นการเดิมพันบนจำนวนการสังหาร (kill) ที่แต่ละทีมทำได้ในเกม โดยไม่เกี่ยวข้องกับผลแพ้ชนะของเกม
ลักษณะเฉพาะของ Kill Handicap
- เป็นการเดิมพันที่เน้นเฉพาะจำนวน kill ไม่ว่าทีมนั้นจะชนะหรือแพ้เกม
- ให้โอกาสในการเดิมพันที่น่าสนใจ แม้ในกรณีที่ผลการแข่งขันมีความชัดเจนมาก
- ต้องอาศัยการวิเคราะห์สไตล์การเล่นของทีม มากกว่าเพียงแค่โอกาสในการชนะเกม
วิธีการเดิมพัน Kill Handicap
- เจ้ามือจะกำหนด Handicap เป็นจำนวน kill ให้กับแต่ละทีม
- ผู้เดิมพันต้องทายว่าทีมที่เลือกจะสามารถทำ kill ได้มากกว่าหรือน้อยกว่า Handicap ที่กำหนด
ตัวอย่างเช่น ในการแข่งขัน Dota 2 ระหว่างทีม X และทีม Y หากทีม X ได้รับ Kill Handicap -5.5 และทีม Y ได้รับ +5.5
- ถ้าคุณเดิมพันทีม X ที่ -5.5 ทีม X จะต้องทำ kill ได้มากกว่าทีม Y อย่างน้อย 6 ครั้งขึ้นไป คุณถึงจะชนะการเดิมพัน
- ถ้าคุณเดิมพันทีม Y ที่ +5.5 แม้ทีม Y จะทำ kill ได้น้อยกว่าทีม X ไม่เกิน 5 ครั้ง คุณก็จะชนะการเดิมพัน
Kill Handicap นี้ทำให้การเดิมพันมีความน่าสนใจมากขึ้น เพราะแม้แต่ทีมที่แพ้เกมก็อาจทำให้ผู้เดิมพันชนะได้ หากสามารถทำ kill ได้มากพอ
ช่วง Handicap ทั่วไปสำหรับ Kill Handicap ใน MOBA
ในการกำหนด Kill Handicap สำหรับเกม MOBA นั้น เจ้ามือมักจะพิจารณาจากหลายปัจจัย เช่น สถิติการทำ kill ของแต่ละทีม สไตล์การเล่น และความแตกต่างของฝีมือระหว่างคู่แข่ง โดยทั่วไปแล้ว ช่วง Kill Handicap มักจะอยู่ระหว่าง -5.5 ถึง +5.5
อย่างไรก็ตาม ช่วงนี้อาจมีการปรับเปลี่ยนได้ตามความเหมาะสมของแต่ละคู่แข่งและเกม เช่น
- ในกรณีที่ทีมมีความแตกต่างกันมาก อาจมีการกำหนด Kill Handicap ที่สูงกว่า +5.5 หรือต่ำกว่า -5.5
- บางครั้งอาจมีการเสนอ Kill Handicap ที่เป็นจำนวนเต็ม เช่น -5 หรือ +5 ซึ่งในกรณีนี้ หากผลต่างของ kill ตรงกับ Handicap พอดี จะถือว่าเป็นการเสมอ (push) และผู้เดิมพันจะได้เงินคืน
ปัจจัยที่มีผลต่อการกำหนด Kill Handicap
- ความแข็งแกร่งของทีม ทีมที่แข็งแกร่งกว่ามักได้รับ Handicap เป็นลบ
- สไตล์การเล่น ทีมที่เน้นการต่อสู้ (aggressive playstyle) อาจได้รับ Handicap ที่สูงกว่า
- สถิติการทำ kill ทีมที่มีประวัติการทำ kill ได้มากในเกมก่อนๆ อาจได้รับ Handicap ที่สูงกว่า
- ความสำคัญของการแข่งขัน ในรายการสำคัญ ทีมอาจเล่นแบบระมัดระวังมากขึ้น ซึ่งอาจส่งผลให้ Kill Handicap ต่ำลง
การเดิมพันแบบ Kill Handicap นี้เรียกร้องให้ผู้เดิมพันต้องมีความเข้าใจในเกม MOBA อย่างลึกซึ้ง ไม่เพียงแค่รู้ว่าทีมไหนเก่งกว่า แต่ต้องเข้าใจว่าแต่ละทีมมีสไตล์การเล่นอย่างไร และมีแนวโน้มที่จะทำ kill ได้มากน้อยเพียงใดในแต่ละเกม
Handicap betting ในเกม FPS
เกมยิงมุมมองบุคคลที่หนึ่ง หรือ FPS (First-Person Shooter) เป็นอีกหนึ่งประเภทเกมที่ได้รับความนิยมอย่างสูงในวงการอีสปอร์ต โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Counter-Strike: Global Offensive (CS:GO) และ Overwatch การเดิมพันแบบ Handicap ในเกม FPS มีลักษณะเฉพาะที่แตกต่างจากเกม MOBA อันเนื่องมาจากรูปแบบการเล่นและระบบการนับคะแนนที่แตกต่างกัน
การเดิมพัน Handicap แบบ Bo3 และ Bo5 ใน CS:GO
Counter-Strike: Global Offensive (CS:GO) เป็นเกม FPS ที่ได้รับความนิยมสูงมากในวงการอีสปอร์ต การแข่งขัน CS:GO ระดับสูงมักจัดในรูปแบบ Best-of-Three (Bo3) เช่นเดียวกับเกม MOBA แต่ในบางรายการสำคัญ เช่น รอบชิงชนะเลิศของ Major Tournaments อาจใช้รูปแบบ Best-of-Five (Bo5)
การเดิมพัน Handicap ในการแข่งขันแบบ Bo3
- Handicap ที่พบบ่อยที่สุดคือ +1.5 และ -1.5
- การเดิมพันทีมที่ได้ Handicap +1.5: คุณจะชนะการเดิมพันหากทีมนั้นชนะอย่างน้อย 1 แมพในชุด Bo3 หรือชนะทั้งแมทช์
- การเดิมพันทีมที่ได้ Handicap -1.5: ทีมนั้นจะต้องชนะทั้ง 2 แมพในชุด Bo3 (ชนะ 2-0) คุณถึงจะชนะการเดิมพัน
การเดิมพัน Handicap ในการแข่งขันแบบ Bo5
- สำหรับการแข่งขันแบบ Bo5 Handicap ที่พบบ่อยคือ +2.5 และ -2.5
- การเดิมพันทีมที่ได้ Handicap +2.5: คุณจะชนะการเดิมพันหากทีมนั้นชนะอย่างน้อย 2 แมพในชุด Bo5 หรือชนะทั้งแมทช์
- การเดิมพันทีมที่ได้ Handicap -2.5: ทีมนั้นจะต้องชนะ 3 แมพขึ้นไปในชุด Bo5 (ชนะ 3-0 หรือ 3-1) คุณถึงจะชนะการเดิมพัน
ระบบ Handicap นี้ช่วยให้การเดิมพันในการแข่งขัน CS:GO มีความน่าสนใจมากขึ้น โดยเฉพาะในกรณีที่มีทีมเต็งที่เหนือกว่าอย่างชัดเจน การให้ Handicap กับทีมรองทำให้ผู้เดิมพันมีโอกาสชนะแม้ทีมที่เลือกจะแพ้ในแมทช์นั้น
Round Handicap ใน CS:GO
นอกจากการเดิมพัน Handicap บนผลการแข่งขันแล้ว CS:GO ยังมีรูปแบบการเดิมพันที่น่าสนใจอีกประเภทหนึ่งคือ Round Handicap ซึ่งเป็นการเดิมพันบนจำนวนรอบที่แต่ละทีมชนะในแต่ละแมพ
ลักษณะเฉพาะของ Round Handicap ใน CS:GO
- การแข่งขัน CS:GO แต่ละแมพประกอบด้วย 30 รอบปกติ (15 รอบในแต่ละฝั่ง)
- ทีมที่ชนะ 16 รอบก่อนจะเป็นผู้ชนะแมพนั้น
- ในกรณีที่ทั้งสองทีมชนะ 15 รอบเท่ากัน จะมีการเล่นในช่วงต่อเวลา (Overtime)
วิธีการเดิมพัน Round Handicap
- เจ้ามือจะกำหนด Handicap เป็นจำนวนรอบให้กับแต่ละทีม
- ช่วง Round Handicap ที่พบบ่อยคือ +7.5 ถึง -7.5
- ผู้เดิมพันต้องทายว่าทีมที่เลือกจะสามารถชนะรอบได้มากกว่าหรือน้อยกว่า Handicap ที่กำหนด
ตัวอย่างเช่น ในการแข่งขัน CS:GO ระหว่างทีม A และทีม B หากทีม A ได้รับ Round Handicap -3.5 และทีม B ได้รับ +3.5:
- ถ้าคุณเดิมพันทีม A ที่ -3.5 ทีม A จะต้องชนะมากกว่าทีม B อย่างน้อย 4 รอบขึ้นไป คุณถึงจะชนะการเดิมพัน
- ถ้าคุณเดิมพันทีม B ที่ +3.5 แม้ทีม B จะชนะน้อยกว่าทีม A ไม่เกิน 3 รอบ คุณก็จะชนะการเดิมพัน
Round Handicap นี้ทำให้การเดิมพันมีความน่าสนใจมากขึ้น เพราะแม้แต่ทีมที่แพ้แมพก็อาจทำให้ผู้เดิมพันชนะได้ หากสามารถชนะรอบได้มากพอตาม Handicap ที่กำหนด
Map Handicap ใน Overwatch League
Overwatch เป็นอีกหนึ่งเกม FPS ที่มีรูปแบบการแข่งขันและระบบ Handicap ที่แตกต่างออกไป โดยเฉพาะใน Overwatch League ซึ่งเป็นลีกการแข่งขันระดับสูงสุดของเกมนี้
ลักษณะเฉพาะของการแข่งขัน Overwatch League
- การแข่งขันใช้รูปแบบ Best-of-Five (Bo5) maps
- ทีมที่ชนะ 3 แมพก่อนจะเป็นผู้ชนะในแมทช์นั้น
- ไม่มีการเสมอในการแข่งขัน Overwatch League
ระบบ Map Handicap ใน Overwatch League
- Handicap ที่พบบ่อยในการเดิมพัน Overwatch League คือ +1.5, -1.5, +2.5 และ -2.5
- การเดิมพันทีมที่ได้ Handicap +1.5 คุณจะชนะการเดิมพันหากทีมนั้นชนะอย่างน้อย 1 แมพในชุด Bo5 หรือชนะทั้งแมทช์
- การเดิมพันทีมที่ได้ Handicap -1.5 ทีมนั้นจะต้องชนะอย่างน้อย 3 แมพในชุด Bo5 (ชนะ 3-0, 3-1 หรือ 3-2) คุณถึงจะชนะการเดิมพัน
- การเดิมพันทีมที่ได้ Handicap +2.5 คุณจะชนะการเดิมพันหากทีมนั้นชนะอย่างน้อย 2 แมพในชุด Bo5 หรือชนะทั้งแมทช์
- การเดิมพันทีมที่ได้ Handicap -2.5 ทีมนั้นจะต้องชนะแบบขาดลอย 3-0 คุณถึงจะชนะการเดิมพัน
ระบบ Map Handicap ใน Overwatch League นี้ช่วยให้การเดิมพันมีความน่าสนใจมากขึ้น โดยเฉพาะในกรณีที่มีทีมเต็งที่เหนือกว่าอย่างชัดเจน การให้ Handicap ที่หลากหลายทำให้ผู้เดิมพันมีตัวเลือกในการวางเดิมพันที่เหมาะสมกับการวิเคราะห์และความเสี่ยงที่ยอมรับได้
การเดิมพันแบบ Handicap ในเกม FPS อย่าง CS:GO และ Overwatch มีความแตกต่างจากเกม MOBA ในแง่ของรูปแบบการแข่งขันและวิธีการนับคะแนน ทำให้มีความท้าทายและน่าสนใจในแบบเฉพาะตัว ผู้เดิมพันจำเป็นต้องมีความเข้าใจในกฎกติกาของแต่ละเกม รวมถึงรูปแบบการเล่นของแต่ละทีมอย่างลึกซึ้ง เพื่อสามารถวิเคราะห์และตัดสินใจเลือก Handicap ที่เหมาะสมได้
อย่างไรก็ตาม ในการเดิมพันแบบ Handicap ทั้งใน CS:GO และ Overwatch ผู้เดิมพันควรพิจารณาปัจจัยต่างๆ อย่างรอบคอบ เช่น
- ฟอร์มปัจจุบันของทีม ผลการแข่งขันล่าสุดและประสิทธิภาพโดยรวมของทีม
- ประวัติการเผชิญหน้ากัน ผลการแข่งขันระหว่างสองทีมในอดีต
- แผนที่ที่ใช้ในการแข่งขัน บางทีมอาจมีความถนัดในบางแผนที่มากกว่า
- การเปลี่ยนแปลงในทีม การเปลี่ยนตัวผู้เล่นหรือโค้ชอาจส่งผลต่อประสิทธิภาพของทีม
- ความสำคัญของการแข่งขัน ทีมอาจแสดงฟอร์มต่างกันในรายการที่มีความสำคัญต่างกัน
การเดิมพันแบบ Handicap ในเกม FPS ช่วยเพิ่มความน่าสนใจและความท้าทายให้กับการเดิมพันอีสปอร์ต ทำให้แม้แต่การแข่งขันที่มีทีมเต็งชัดเจนก็ยังสามารถสร้างความตื่นเต้นให้กับผู้เดิมพันได้ อย่างไรก็ตาม ผู้เดิมพันควรศึกษาข้อมูลอย่างรอบคอบและเข้าใจกฎกติกาของการเดิมพันแต่ละรูปแบบอย่างชัดเจนก่อนตัดสินใจวางเดิมพัน เพื่อให้การเดิมพันเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและสนุกสนานที่สุด